วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันสตรีสากล

วันสตรีสากล


เพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้ใช้แรงงานหญิงที่ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบและการถูกเลือกปฏิบัติที่มีต่อชนชั้นแรงงาน จึงเป็นกำเนิดของวันสตรีสากล ดังนั้น ในวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งองค์กรที่ทำงานด้านผู้หญิงหลายประเทศทั่วโลกได้มีการจัดงานวันสตรีสากลขึ้น เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของกลุ่มผู้ใช้แรงงานหญิง และเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสวันสตรีสากล รวมทั้งการจัดกิจกรรมรณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ปัญหา โดยเฉพาะปัญหาที่ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ

ความเป็นมา

ณ เมืองชิคาโก สหรัฐอเมริกา กรรมกรสตรีในโรงงานทอผ้าได้ลุกฮือขึ้นเดินขบวนประท้วงการเอาเปรียบ กดขี่ ขูดรีด ทารุณ จากนายจ้างที่เห็นผลผลิตสำคัญกว่าชีวิตคน ความเป็นอยู่ของแรงงานสตรีในเมืองชิคาโก ว่ากันว่าไม่ต่างอะไรจากทาสนิโกรในเงื้อมมือคนผิวขาว เพราะต้องทำงานวันละ 12-15 ชั่วโมง แต่ได้รับค่าแรงานเพียงน้อยนิดส่วนสตรีตั้งครรภ์มักถูกไล่ออก

ในที่สุดภายใต้การนำของ คลาร่า แซทคิน ผู้นำกรรมกรสตรีโรงงานทอผ้าชาวเยอรมันลุกฮือขึ้นสู้ด้วยการเดินขบวนนัดหยุดงานในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1907 โดยเรียกร้องให้นายจ้างลดเวลาการทำงานจากวันละ 12-15 ชั่วโมง ให้เหลือวันละ 8 ชัวโมงพร้อมทั้งให้ปรับปรุงสวัสดิการภายในโรงงาน และให้สตรีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งด้วย ในการเรียกร้องครั้งนี้ แม้จะมีหลายร้อยคนถูกจับกุม แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากสตรีทั้งโลก และส่งผลให้วิถีการผลิตแบบทุนนิยมเริ่มสั่นคลอน

แต่อย่างไรก็ตามอีก 3 ปีต่อมา คือ ในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ.1910 ข้อเรียกร้องของเหล่าบรรดากรรมกรสตรีก็ประสบความสำเร็จ เมื่อตัวแทนสตรีจาก 18 ประเทศ เข้าร่วมประชุมสมัชชาสตรีสังคมนิยม ครั้งที่ 2 ณ เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กที่ประชุมได้ประกาศรับรองข้อเรียกร้องของบรรดากรรมกรสตรี โดยให้ลดเวลาทำงานให้เหลือเพียงวันละ 8 ชั่วโมง ศึกษาหาความรู้ 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง และกำหนดให้ค่าแรงงานสตรีเท่าเทียมกับค่าแรงงานชาย อีกทั้งยังมีการคุ้มครองสวัสดิการสตรีและแรงงานเด็กอีกด้วย

นอกจากนั้นในการประชุมครั้งนั้น ยังได้มีการรับรองข้อเสนอของ คลาร่า แซทคิน ด้วยการประกาศให้วันที่ 8 มีนาคม เป็นวันสตรีสากล

วันสตรีสากลในประเทศไทย

สำหรับประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2532 ได้มีการก่อตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ขึ้นอย่างเป็นทางการ ดังนั้นวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อฉลองเนื่องในโอกาสวันสตรีสากล และระลึกถึงความเป็นมาแห่งการต่อสู้เพื่อให้ได้ซึ่งความเสมอภาค ยุติธรรม สันติภาพ และการพัฒนา

และจัดตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวันมหามงคล 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระองค์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ ตรากตรำบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อให้คนไทยได้มีอาชีพ และได้พระราชทานให้วันที่ 1 สิงหาคมเป็น "วันสตรีไทย" ของทุกปี เพื่อให้ผู้หญิงไทยมีโอกาสแสดงถึงความรู้ ความสามารถในการพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันสังคม และให้สามารถเทียบเท่าสตรีสากลของหลายประเทศที่เจริญแล้ว
ซึ่งทุกวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี จะมีการประกาศถึงเกียรติประวัติของสตรีชั้นแนวหน้าของโลกทั้งที่มีชีวิต และที่เสียชีวิตไปแล้ว เช่น เจ้าหญิงไดอาน่า แห่งอังกฤษ, แม่ชีเทเรซา แห่งประเทศอินเดีย, ประธานาธิบดี เมกาวลี แห่งอินโดนีเซีย และนางอองซานซูจี ของพม่าที่เรียกร้องประชาธิปไตยกับประเทศ ส่วนในประเทศไทยมีอยู่หลายท่าน เช่น คุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนาสุนันท์, คุณสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ และคุณปวีณา หงสกุล ฯลฯ
วันสตรีไทยถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง เพราะเปิดโอกาสให้ผู้หญิงไทยออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันสตรีมีบทบาทมากขึ้น มีความสามารถทัดเทียมผู้ชาย เป็นที่ยอมรับจากสังคม จะเห็นได้จากหน่วยงานราชการและภาคเอกชนเริ่มมีสตรีเข้าไปเป็นหัวหน้างานมากขึ้น รวมถึงการเข้าไปมีบทบาทในการบริหารประเทศชาติ สตรีไทยในยุคปัจจุบัน จึงต้องเป็นสตรีที่มีความรู้ความสามารถครบถ้วนทุกๆ ด้าน ทั้งด้านการบริหาร การจัดการ การเป็นแม่ที่ดีของลูก เป็นภรรยาที่ดีของสามี และเป็นแม่ศรีเรือนที่ดี พร้อมทั้งต้องก้าวทันกับยุคสมัย เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคม

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วันมาฆบูชา

วันมาฆบูชา


ความหมาย

วันมาฆบูชาหมายถึง การบูชา ในวันเพ็ญเดือน ๓ เนื่องในโอกาสคล้าย วันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ความสำคัญ

วันมาฆบูชา

เ ป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ มีเหตุการณ์อัศจรรย์ที่ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าจำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ โดยมิได้นัดหมายกันพระสงฆ์ ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์

ผู้ได้อภิญญา ๖และเป็นผู้ที่ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจากพระพุทธเจ้า ในวันนี้พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ซึ่งเป็นทั้งหลักการอุดมการณ์และวิธีการปฏิบัติที่ นำไปใช้ได้ทุกสังคม มีเนื้อหา โดยสรุปคือให้ละความชั่วทุกชนิด ทำความดี ให้ถึงพร้อมและทำจิตใจให้ผ่องใส

ประวัติความเป็นมา

๑. ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ ๙ เดือนขณะนั้นเมื่อเสร็จพุทธกิจแสดงธรรมที่ถ้ำสุกรขาตาแล้ว เสด็จมาประทับที่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดียในปัจจุบัน วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะหรือเดือน ๓ในเวลาบ่ายพระอรหันต์สาวกของพระพุทธเจ้า มาประชุม พร้อมกัน ณ ที่ประทับของพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุอัศจรรย์ ที่มีองค์ประกอบสำคัญ ๔ ประการ คือ

๑. วันนั้นเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓

๒. พระสงฆ์จำนวน ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้ นัดหมาย

๓. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์ผู้ได้อภิญญา ๖

๔. พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นผู้ได้รับการอุปสมบท โดยตรงจาก พระพุทธเจ้า

การถือปฏิบัติวันมาฆบูชาในประเทศไทย

พิธีวันมาฆบูชานี้ เดิมทีเดียวในประเทศไทยไม่เคยทำมาก่อน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายไว้ว่าเกิดขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทรงถือตามแบบของโบราณบัณฑิตที่ได้นิยมกันว่า วันมาฆะบูรณมี พระจันทร์เสวยฤกษ์มาฆะเต็มบริบูรณ์เป็นวันที่พระอรหันต์สาวกของ พระพุทธเจ้า ๑,๒๕๐ รูป ได้ประชุมกันพร้อมด้วยองค์ ๔ ประการ เรียกว่า

จาตุรงคสันนิบาตพระพุทธเจ้าได้ตรัสเทศนาโอวาทปาติโมกข์ ในที่ประชุมสงฆ์เป็นการ ประชุมใหญ่ และเป็นการอัศจรรย์ในพระพุทธศาสนา นักปราชญ์ จึงถือเอาเหตุนั้นประกอบ การสักการบูชาพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์สาวก ๑,๒๕๐ รูปนั้น ให้เป็นที่ตั้งแห่งความ เลื่อมใสการประกอบพิธีมาฆะบูชา ได้เริ่มในพระบรมมหาราชวังก่อน

ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีพิธีการพระราชกุศลในเวลาเช้า พระสงฆ์ วัดบวรนิเวศวิหารและ วัดราชประดิษฐ์ ๓๐ รูป ฉันในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เวลาค่ำ เสด็จออกทรงจุด ธูปเทียนเครื่อง มนัสการแล้ว พระสงฆ์สวดทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว สวดมนต์ต่อไปมี สวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ด้วยสวดมนต์ จบทรงจุดเทียนรายตามราวรอบพระอุโบสถ ๑,๒๕๐ เล่ม มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนา โอวาทปาติโมกข์

๑ กัณฑ์เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลีและ ภาษาไทย เครื่องกัณฑ์ มีจีวรเนื้อดี ๑ ผืน เงิน ๓ ตำลึง และขนมต่าง ๆ เทศนาจบพระสงฆ์ ซึ่งสวดมนต์ ๓๐ รูป สวดรับการประกอบพระราชกุศลเกี่ยวกับ วันมาฆบูชาในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปีมิได้ขาด สมัยต่อมามีการเว้นบ้าง เช่น รัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จออกเองบ้าง มิได้ เสด็จออกเองบ้างเพราะมักเป็นเวลาที่ประสบกับเวลาเสด็จประพาส หัวเมืองบ่อย ๆ หากถูกคราวเสด็จไปประพาสบางปะอินหรือพระพุทธบาท พระพุทธฉาย พระปฐมเจดีย์ พระแท่นดงรัง ก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชา ในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีก ส่วนหนึ่งต่างหากจากในพระบรมมหาราชวังเดิมทีมีการประกอบพิธีในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาก็ขยายออกไป ให้พุทธบริษัทได้ ปฏิบัติตามอย่างเป็นระบบสืบมาจนปัจจุบัน มีการบูชา ด้วยการเวียนเทียน และบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ส่วนกำหนดวันประกอบพิธีมาฆบูชานั้น ปกติตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๓ หากปีใด เป็นอธิกมาส คือ มีเดือน ๘ สองหนจะเลื่อนไปตรงกับวันเพ็ญเดือน ๔

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!

กระต่าย” ถือว่าเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดหนึ่ง

ที่คนเราชื่นชอบเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่นนอกเหนือจากสุนัข และแมว

และเพื่อเพิ่มความน่ารักให้กับสัตว์เลี้ยงแสนรัก

เจ้าของก็ชอบที่จะจับพวกมันมาทำแบบนี้......

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

ชื่อ กระต่ายน้อย จ้ะ

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะจ๊ะ

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

เจ้าบ่าวอยู่ไหน เจ้าสาวมารอแล้ว

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

ไปซิ่งกับพี่ไหมน้องสาว

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

สโนไวท์กระต่าย

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

นางฟ้าก็มาร่วมด้วย

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

สนใจไปงานราตรีคืนนี้ด้วยกันไหมจ๊ะ

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

ไปโรงเรียนด้วยกันเถอะ

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

ง่วงนอนแล้วเหรอจ๊ะ

เด็กดีดอทคอม :: แฟชั่นแทรนด์ใหม่ล่าสุดมาแล้ว!!; tags: กระต่าย , แฟชั่น , เสื้อผ้า , ชุดนักเรียน , น่ารัก , สัตว์เลี้ยง , วัยรุ่น , แต่งงาน , rabbit

ซานต้าครอสกระต่าย


วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

เที่ยว หัวหิน สูดกลิ่นธรรมชาติ บรรยากาศแสนดี





เที่ยว หัวหิน สูดกลิ่นธรรมชาติ บรรยากาศแสนดี








"หัวหิน" นับเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย จากแต่เดิมที่เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง และได้ถูกเปลี่ยนแปลงจนกลายมาเป็นสถานที่พักผ่อนติดทะเล ที่ติดอันดับความนิยมของประเทศในตอนนี้ (วู้ว... สุดยอด !!) ปัจจุบัน "หัวหิน" มีที่พัก รีสอร์ท และโรงแรมชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรีสอร์ทของชาวบ้านเอง หรือรีสอร์ทที่เป็นระดับห้าดาว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเสน่ห์ของหัวหินยังคงเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนตลอดทั้งปี...



หัวหิน... หัวหิน... หัวหิน... เมื่อพูดถึง "หัวหิน" หลายคนมักนึกถึงแต่ทะเล เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... เที่ยวทะเล... แต่จริงๆ แล้ว "หัวหิน" ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอบเมืองอีกมากมายนะคะ ว่าแล้วเราไปดูกันดีกว่าว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวกันบ้าง...









พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน






รัชกาลที่ 6 โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2466 ได้รับขนานนามว่า "พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง" ลักษณะเป็นพระตำหนักไม้สองชั้น หันหน้าออกสู่ทะเล พระตำหนักฝ่ายในอยู่ปีกขวา ทางปีกซ้ายเป็นส่วนของฝ่ายหน้า ประกอบด้วยพระที่นั่งสามองค์เชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด "พระที่นั่งสุนทรพิมาน" เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรชายา "พระที่นั่งพิศาลสาคร" เป็นที่ประทับของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว







เป็นหมู่พระที่นั่งตรงกลางประกอบด้วยห้องต่างๆ สำหรับสำราญพระอิริยาบถ ห้องพักข้าราชบริพารที่คอยรับใช้ใกล้ชิด ห้องทรงพระอักษร และ "พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ " เป็นอาคารโถงสองชั้นเปิดโล่งใช้เป็นที่ประชุมในโอกาสต่างๆ และเป็นโรงละคร ซึ่งเคยจัดแสดงละครครั้งสำคัญ 2 ครั้ง คือ เรื่องพระร่วง และวิวาห์พระสมุทร



พระราชวังบ้านปืน


พระราชวังบ้านปืน หรือ พระรามราชนิเวศน์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์ สำหรับประทับแรมในฤดูฝน ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดซื้อที่จากราษฎร และให้จอมพลเรือสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้า บริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นแม่กองจัดการก่อสร้าง สร้างแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ออกแบบโดยมิสเตอร์คาลเดอริง ชาวเยอรมัน


เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็น"พระรามราชนิเวศน์" ปี พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม โรงเรียนประชาบาลประจำตำบล ฯลฯ



สถานีรถไฟหัวหิน (พลับพลาสถานีรถไฟ)

"สถานีรถไฟหัวหิน" เป็นหนึ่งในสถานีรถไฟที่เก่าแก่ที่สุดของไทย สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสถานีรถไฟแห่งนี้ คือ พลับพลาในแบบสถาปัตยกรรมไทยเด่นสะดุดตา ซึ่งได้ย้ายมาจากพระราชวังสนามจันทน์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 มีความสวยงามทางด้านสถาปัตย์และศิลป์ ซึ่งใครที่เห็นจะรู้สึกประทับใจ สถานียังคงเปิดให้บริการจวบจนทุกวันนี้ (ว้าว...)

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

30 วิธี ถนอมสุขภาพ ... กายและใจ




30 วิธี ถนอมสุขภาพ ... กายและใจ
1. หายใจให้ทั่วท้อง
2. นวดแผนโบราณเพื่อล้างพิษ
3. ปิดมือถือ ในบางขณะ เพื่อเป็นอิสระ คิดอะไรได้เต็มที่
4. โนบราซะ ( ผู้ชาย ก็โนอันเดอร์แวร์แทนละกัลล์ )
5. กินอย่างมีสติ : ไม่กินจนฟุ้งเฟ้อ และกินจนเกินความจำเป็นไม่อื่มเกินและเคี้ยวช้า ๆ คำละ 50 ครั้ง
6. ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว ดื่มน้ำช่วงเช้าหลังตื่นนอนก่อนแปรงฟันจะมีประโยชน์น้ำที่ผสมน้ำลายในปากจะเป็นตัวล้างลำไส้ได้ดีนัก
7. เตือนตัวเองให้ทานผลไม้วันละ 3 - 5 อย่าง หลากสี
8. อดบ้างก็ได้ การอดอาหารในช่วงสั้น ๆ แม้เพียงวันละมื้อจะช่วยให้อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมได้พักผ่ อน
9. อาบน้ำคลายเครียด
10. ขับถ่ายบอกสุขภาพ ปัสสาวะที่ดีต้องใส ไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน ถ้าเข้มต้องดื่มน้ำเพิ่ม อุนจิ ต้องนิ่ม สีเหลือง ลอยน้ำได้ ไม่เหม็น หากแข็งต้องเพิ่มผัก ผลไม้ และน้ำ
11. หวีผมบรรเทาปวด ในวันที่เครียด / ปวดหัวตุบๆ ลองแปรงผมด้วยหวีที่มีปุ่มตรงซี่แปรง
12. ยิ้มหน่อย ( ใครชอบเก็ก ไม่ยิ้ม ลองดูนะครับ)
13. มาหัวเราะกันเถอะ ทั้งยิ้มและหัวเราะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดระดับความเครียด เพิ่มภูมิคุ้มกัน
14. น้ำตาคลายเครียด และช่วยระบายความเครียดได้ (แอบร้องก็ได้ถ้าอาย แต่จริงแล้ว ร้องไห้เป็นเรื่องปกติมนุษย์)
15. เซ็กซ์คือยาวิเศษ
16.นอนหลับเพิ่มพลัง เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟู ตอนนอนร่างกายจะหลั่งสารเมลาโทนินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และ ระบายท็อกซินออกจากสมอง
17. สักงีบหนึ่ง หลับกลางวัน สัก 15 นาที
18. เดินเท้าเปล่ากันบ้าง ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างระบบประสานสัมผัสกล้ามเนื้อ กระดูก และสมอง เดินเท้าเปล่า รับน้ำค้างบริสุทธ์ สนามหญ้า ย่ำก้อน กรวดบ้าง
19. กอด ยาวิเศษประจำบ้าน กอดคนที่คุณรักจะมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางช่วยปลดปล่อยความเครียด
20. ช่างคุย กับเพื่อนสนิท คนรู้ใจ
21. ร้องเพลง ขณะร้องร่างกายจะขับคาร์บอนไดออกไซด์ และสูดออกซิเจนได้มากขึ้น
22. ไดอารี่ที่รัก เขียนบันทึกช่วยระบายความในใจ และ ได้ทบทวนชีวิตรู้จักและปรับปรุงตัวเองได้
23. Out Door Please!! ออกใช้ชีวิตกลางแจ้งบ้าง
24. ฝึกสมองทุกวัน อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ ทำให้สมองทำงานมากกว่า 80 % ขณะที่ดูโทรทัศน์ใช้สมอง 20 % อย่าลืมอ่านหนังสืออย่างน้อยวันละ 15 นาที
25. สงบใจไหว้พระ
26. ชวนกันมาดูดาว
27. ความสุขจากรูปเก่า ... เก่า ....
28. ให้เพื่อได้รับเศษสตางค์ ลองหยอดตู้บริจาคแบ่งสิ่งของให้คนที่ยากจนกว่าเรา ฯลฯ ช่วยให้คุณเข้าใกล้ความสุข
29. ชมคนอื่นเสียบ้าง
30. พูดขอบคุณให้ติดปาก และขอบคุณจากใจจริงร่างกายจะหลั่งสารเอนดอร์ฟินทำให้มีความ

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับน่ารู้ - กินเพื่อสุขภาพ

เคล็ดลับน่ารู้ - กินเพื่อสุขภาพ
1. กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้จริงหรือ?
เฉลย ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปรืมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเราทำให้อาการเมาหายไปได้
2. เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่งจริงหรือ?
เฉลย จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้
3. มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้จริงหรือ?
เฉลย จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่าคูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่าโรคนอนหลับได้อีกด้วย
4. ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้จริงหรือ?
เฉลย ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น
5. การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้จริงหรือ?
เฉลย ไม่จริง แต่การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัดเป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้องและท้องอืดหลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง
6. การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้นจริงหรือ?
เฉลย จริง เพราะในเนยมีกรดอมิโนที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น
7. การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้จริงหรือ?
เฉลย จริง เพราะการที่คนเรามีอาการ เหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย
8. การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้จริงหรือ?
เฉลย จริง เพราะเลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้น้อยลงสมองจึงค่อยๆ เสื่อม

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

**_เสริมสวยจากธรรมชาติ_**

เสริมสวยจากธรรมชาติ
- ผลไม้สดตามฤดูกาล เช่น แตงโม มะม่วง มะละกอ ถ้านำเอาเนื้อมาใส่โถปั่น ปั่นให้ละเอียด ใช้ลูบไล้ตามผิวหน้าจะทำให้ผิวชุ่มชื่นและเต่งตึงขึ้น มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับโลชั่นสมานผิว
- สตรอเบอรี่สด 5 ผล ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ กลีเซอรีน 1 ช้อนโต๊ะ ใส่โถปั่น ใช้นวดผมหลังจากสระแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก จะช่วยให้ผมที่แห้งเพราะแดดลมกลับนุ่มเป็นเงางาม ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำมันหล่อเลี้ยงเส้นผม และมีกลิ่นหอมด้วย
- ลิ้นจี่ 10 ผล ปอกเปลือก คว้านเมล็ดออก เอาเนื้อลิ้นจี่ใส่โถปั่น คั้นเอาน้ำ เติมเกลือ น้ำเชื่อม ใส่น้ำแข็งทุบก้อนเล็กๆ หรือจะใส่ถ้วยแก้วเก็บไว้ในตู้เย็น ส่วนกากเนื้อลิ้นจี่ที่ได้จากการปั่น กรองเอาน้ำออกแล้วปั้นนำมาพอกหน้า สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะรู้สึกทันทีเลยว่า ผิวหน้าตึง และเปล่งปลั่งขึ้น
- เมล็ดแตงหอม, เมล็ดฟักทอง, บวบ, แตงกวา ตากแห้งใส่เครื่องปั่นเป็นผง ผสมน้ำพอเหลว พอกหน้าแทนยาพอกหน้า ผิวหน้าจะนุ่มเนียนและละไม
- น้ำคั้นจาก แตงหอมแคนตาลู้ป ล้างหน้า ผิวหน้าจะสะอาด แทนโลชั่นบำรุงผิว เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง
- น้ำคั้นจาก แตงหอมแคนตาลู้ป ผสม น้ำผึ้ง ทาผิวหน้า จะช่วยลอกหนังกำพร้าที่แห้งเป็นขุย ถ้าผสมกับ น้ำอัลมอนด์ เล็กน้อย ใช้ลอกหน้าได้เช่นเดียวกับน้ำยาลอกหน้า
ผลไม้ นอกจากรับประทานอร่อย มีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะมีสารอาหารและวิตามิน นอกจากนี้ยังนำมาช่วยเสริมสวยได้ด้วย สำหรับผู้นิยมการทดลองเสริมความงามด้วยตนเอง มีผลไม้มากเหลือเกิน จะใช้ทดลองดังนี้
- นำเอา เปลือกแตงโม มาใส่เครื่องปั่น กรองเอาแต่น้ำ ใช้ล้างหน้า แล้วปล่อยทิ้งไว้ 15 นาที จึงล้างออก ลดความมันบนผิวหน้า มีคุณค่าเทียบได้กับแอสตริงเจ้น
- ตัก เนื้อแตงโม เป็นชิ้นๆ วางบนใบหน้าขณะนอนพัก ทิ้งไว้ประมาณ 15 ถึง 20 นาที จะช่วยให้ผิวนุ่ม รู้สึกผิวหน้าสดชื่นขึ้น
- นำ เนื้อแตงโม แตงกวา เนื้อฟักทอง อย่างละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เข้าเครื่องปั่นรวมกัน ใช้พอกหน้า ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำให้ผิวสะอาด เหมาะสำหรับคนผิวหน้าแห้ง
- ใช้ เนื้อแตงโม 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำผึ้ง 1-2 หยด และน้ำมันพืช 3-4 หยด ผสมให้เข้ากัน ใช้ทาผิวและลำคอ นวดให้ทั่วจนรู้สึกว่าส่วนผสมนี้ซึมเข้าในผิวหนัง แล้วล้างอก ช่วยลอกผิวที่แห้งแตกเป็นขุยให้หลุดออก
- นำเอา สตรอเบอรี่ มาใส่ชาม ตีด้วยส้อมให้เละ นำมาพอหน้าให้ทั่ว แล้วนอนพักสัก 15 นาที สารที่มีประโยชน์จะซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนัง ช่วยให้หน้าหายมัน เหมาะกับคนที่เป็นสิว ฝ้า หน้าตกกระ เพราะในเนื้อสตรอเบอรี่มีสารบางชนิดที่ช่วยทำให้ผิวหน้าตึงเต่งขาวสดใส ทำให้ผิวหน้ามีเลือดฝาดสมบูรณ์
- ทำครีมทาหน้าจาก สตรอเบอรี่ ใช้น้ำมันลาโนลิน (ซื้อที่ร้านขายยา) 1 ส่วน น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันพืช 3 ส่วน น้ำคั้นจากสตรอเบอรี่ 2 ส่วน ใส่ในหม้อ 2 ชั้น เฉพาะลาโนลินกับน้ำมัน พอละลายยกออกมาทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงค่อยๆ ผสมสตรอเบอรี่ลงไปทีละน้อย ตีด้วยส้อมแรงๆ ให้เข้าเป็นเนื้อเดียว ถ้าทำใช้เพียง 5-6 วัน ก็เก็บไว้ในตู้เย็นใช้จนหมด ถ้าต้องการเก็บไว้ใช้นานๆ เหมือนครีมบำรุงผิวจากกระปุก ให้ผสมน้ำมันวีทเจิร์ม (ซื้อที่ร้านขายยา) 1 ส่วน ในส่วนผสมเดิม 10 ส่วน เติมวิตามินอี เทออกจาแคปซูล 4 เม็ด เก็บไว้ใช้ได้นาน
- ผิวแห้งหยาบ แตก เป็นริ้วรอย ริมขอบตามีรอยตีนกา มีสิวฝ้าบริเวณใบหน้า สามารถใช้ เนื้อมะม่วงสุก ยีจนเละ พอกหน้าเว้นบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที น้ำมะม่วงที่เหลือที่เหลือให้นำมาทาข้อศอก ลำคอ หลังมือ แล้วจึงอาบน้ำชำระล้างให้สะอาด ผิวจะนุ่มนวลจนผิดสังเกต
- ส้มเขียวหวาน 1 ผล แตงกวา 1 ผล คั้นเอาแต่น้ำ น้ำกุหลาบ 3 ช้อนหวาน แอลกอฮอล์ 2 ช้อนหวาน เขย่าให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดออก เก็บไว้ในตู้เย็นใช้จนกว่าจะหมด จะช่วยการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ผิวหนังเต่งตึงสะอาด
- นำเอา แตงกวา 3 ลูก หั่นแล้วใส่โถ ปั่นจนเละ คั้นเอาแต่น้ำทา บำรุงผิวอย่างดี
เสริมสวยจากธรรมชาติ มีวิธีการที่ใช้ของใช้ของกินมาบำรุงบำเรอโฉม ซึ่งเชื่อกันว่าจะสามารถให้ผลได้ และทำเองได้หลายชนิดด้วยกัน ตัวอย่างดังนี้
- ใช้ นมเปรี้ยว ทำให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวหน้านุ่มเนียนละมุน
- โยเกิร์ต 1 ช้อนโต๊ะ นมเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำนมสด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ใส่แก้วคนให้เข้ากัน แล้วนำมาพอกหน้า ทิ้วไว้ให้แห้ง แล้วล้างออก ผิวจะเต่งตึง และช่วยแก้ปัญหาสิวบนใบหน้า
- ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 20 นาที ล้างออกด้วยน้ำเย็นจะทำให้ผิวหน้าสดชื่น
- ขี้ผึ้ง 2 ส่วน กลีเซอรีน 2 ส่วน น้ำกุหลาบ 1 ส่วน ผสมกันแล้วใส่ภาชนะที่มีฝาปิด เก็บไว้ในตู้เย็น ใช้ทาผิวหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ช่วยลบรอยย่นบนใบหน้า ช่วยให้ผิวหน้าสวยตามธรรมชาติ และช่วยไม่ให้ผิวหน้าแห้ง
- ใช้แปรงขนตาจุ่มน้ำละหุ่ง ปัดขนตาเสมอ แล้วทาขนตาด้วยลาโนลิน หรือน้ำมันที่ทำจากไขสัตว์ จะช่วยให้ขนตายาว
- ทำครีมพอกหน้าด้วยสตรอเบอรี่ น้ำคั้นจากสตรอเบอรี่สด 2 ส่วน น้ำมันลาโนลิน 1 ส่วน น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช 3 ส่วน ใส่ในหม้อ 2 ชั้น (หม้อตุ๋น) ตั้งไฟให้เดือด พอลาโนลินกับน้ำมันละลาย ยกออกทิ้งไว้ให้เย็น ค่อยๆ ผสมน้ำสตรอเบอรี่ลงไปทีละน้อยๆ ตีแรงๆ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ถ้าต้องการเก็บไว้นาน ผสมน้ำยาวีทเจิร์ม 1 ส่วนในส่วนผสมที่ทำ 10 ส่วน เติมวิตามินอีที่เทออกจากแคปซูล 4 แคปซูล เพื่อช่วยบำรุงผิว ใช้พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดจะช่วยให้ผิวหน้านุ่มนวล
- ใช้แตงกวาฝานบางๆ ปิดลงบนเปลือกตา ใต้ขอบตา หลับตาประมาณ 2-3 นาที จะช่วยให้บริเวณดวงตาสดชื่นขึ้น
- ผมจะสวยดกดำ ถ้าบำรุงด้วยไข่แดงผสมน้ำมันมะกอก ละเลงให้ทั่วศีรษะ แล้วสระผมให้สะอาด
- ใช้น้ำมันมะกรูดสระผม จะช่วยป้องกันผมร่วง ผ่ามะกรูดซึ่งอังไฟให้ร้อน แล้วใช้น้ำมะกรูดนวดศีรษะ ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงล้างออก
- ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนุ่ม จุ่มน้ำอุ่น บิดพอหมาด วางทาบลงบนใบหน้าเพื่อเปิดรูขุมขน นำน้ำมะนาว 1 ช้อนชา นมเปรี้ยว 1/2 ถ้วยตวง น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกัน ทาหน้า ตั้งแต่หน้าผากลงมาจึนถึงจมูกเป็นรูปตัวที และบริเวณที่มีความมันมากๆ ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที แล้วล้างด้วยน้ำอุ่น ต่อจากนั้นก็ใช้น้ำเย็นล้างออก เพื่อเป็นการปิดรูขุมขน
- ผู้ที่มีผิวหน้าแห้ง ให้ใช้กล้วยสุก 1 ผล ตีจนเละ ใช้พอกหน้า 10 นาที แล้วล้างให้สะอาด จะทำให้ผิวหน้านุ่มนวลขึ้น
- กล้วยสุกที่ยีจนเละ ผสมน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันถั่ว พอเหลว ใช้ทาผิว คุณภาพเป็นครีมบำรุงผิว แล้วอาบน้ำ ล้างให้สะอาด